เพลี้ยบางชนิดมีปีก บางชนิดก็สามารถกระโดดได้ไกล
เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสมก็พร้อมที่จะแพร่ระบาดในสวนไร่นาได้อย่างรวดเร็ว
การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเพลี้ยแต่ละชนิดจึงจำเป็นต่อผู้ปลูกพืช
จะทำให้เข้าใจถึงลักษณะการเข้าทำลายของเพลี้ย
รวมไปถึงพืชที่เราปลูกนั้นเหมาะกับเพลี้ยชนิดไหนและมีวิธีการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างไรบ้าง
วันนี้บ้านและสวนเรารวมเพลี้ย 4ชนิดที่พบได้บ่อย
ไปดูกันว่ามีชนิดไหนที่ระบาดอยู่ในพืชของเราบ้าง เพลี้ย
เป็นแมลงที่มีปากแบบแทงดูด สามารถถ่ายทอดเชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์พืชได้
ในช่วงระยะตัวอ่อนมีขนาดตัวเล็กมาก ลักษณะลำตัวอ้วนป้อมสีเหลืองอ่อน
แต่เพลี้ยอ่อนบางชนิดจะมีลำตัวสีเขียวอ่อนไปจนถึงสีดำ
และอาจจะมีปีกหรือไม่มีปีกก็ได้ลักษณะการเข้าทำลาย
โดยเพลี้ยอ่อนจะเข้าทำลายสร้างความเสียหายให้พืชด้วยการดูดกินน้ำเลี้ยงจากส่วนต่างๆของพืชตั้งแต่ยังไม่โตเต็มวัย
นอกจากนี้เพลี้ยอ่อนยังเป็นพาหะในการแพร่เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคพืชต่างๆอีกด้วย
หากไม่รีบกำจัด เพลี้ยอ่อนจะสร้างความเสียหายให้พืช
ซึ่งใบจะแสดงอาการเด่นชัดมากที่สุด เริ่มจากใบซีดด่าง เหลือง
และจนกระทั่งหลุดร่วงไปในที่สุด
หรือส่งผลให้พืชหยุดการเจริญเติบโตหากระบาดรุนแรง
เพลี้ยไฟ เพลี้ยปกติเพลี้ยไฟจะมีขนาดเล็ก ไม่เกิน 2 มิลลิเมตร
ลำตัวเรียวยาวมีปีกแนบข้างลำตัว
เมื่ออายุมากขึ้นสีจะเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีน้ำตาลอมเหลือง
หรืออาจจะเป็นสีโทนส้มอมน้ำตาลในบางชนิด
ช่วงที่พืชแตกใบอ่อนจะพบการระบาดของเพลี้ยไฟมากกว่าปกติ
ซึ่งเพลี้ยไฟจะอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม จึงทำให้สังเกตุเห็นได้ง่าย
ลักษณะการเข้าทำลาย
เข้าทำลายด้วยการใช้ปากเจาะดูดน้ำเลี้ยงของพืช
จนเห็นบริเวณที่ถูกทำลายเป็นเส้นสีขาวในระยะแรกๆ
ต่อมาจึงเริ่มเหี่ยวแห้งเป็นสีน้ำตาล ถ้าเป็นยอดอ่อนจะเกิดการหงิกงอ
หากระบาดอย่างรุนแรงพืชจะแคระแกร็นจนระงับการเจริญเติบโตไปในที่สุด
ซึ่งในฤดูแล้งรุนแรงจนทำให้ผลหลุดร่วงได้ง่าย
เพลี้ยแป้ง
เพลี้ยแป้งมีลักษณะโดดเด่นคือมีผงแป้งสีขาวปกคลุมทั่วลำตัว
รูปร่างตัวค่อนข้างอ้วนกลม สำหรับเพลี้ยแป้งตัวเมียจะลอกคราบ 3 ครั้ง
ก่อนวางไข่ ซึ่งตัวผู้จะลอกคราบ 4 ครั้ง
และเพลี้ยแป้งมีมิตรที่เป็นพาหะตัวสำคัญนั่นก็มด
เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการแพร่กระจายในวงกว้างได้เร็วขึ้น
และยังมีส่วนช่วยให้เพลี้ยมีชีวิตรอดอยู่ใต้ดินเมื่อสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมอีกด้วย
ลักษณะการเข้าทำลาย
ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของเพลี้ยอ่อนจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากส่วนต่างๆของพืช
จะชอบแฝงตัวอยู่ตามช่อดอกและยอดอ่อน
และจะขับถ่ายของเหลวที่มีส่วนให้ดึงดูดราดำ
เมื่อใดที่พืชมีผงสีขาวกระจุกตัว หรือกระจายตามส่วนต่างๆของต้นพืช
นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า พืชได้รับความเสียหายจากเพลี้ยแป้งแล้ว
ซึ่งจะทำให้พืชนั้นเหลืองซีด หงิกงอ หยุดการเจริญเติบโต และให้ผลผลิตน้อยลง
เพลี้ยจักจั่นรูปลิ่ม
เพลี้ยจักจั่นเป็นแมลงจำพวกปากดูด และจากการที่มันมีแพนหาง
และผงแป้งปกคลุมลำตัว จึงดูคล้ายข้าวตอกแตก มันเลยถูกตั้งฉายาว่า
“แมลงข้าวตอก”
ลักษณะการเข้าทำลาย
เพลี้ยจักจั่นจะเข้าทำลายโดยการดูดน้ำเลี้ยงบริเวณโคนใบเป็นอันดับแรก
เราจึงจะสังเกตุเห็นความผิดปกติของใบก่อน โดยใบอ่อนจะบิดงอ
ขอบใบจะแห้งกรอบและจะทิ้งสารที่ก่อให้เกิดราดำไว้ทำให้ราดำมาสร้างความเสียหายให้พืชได้อีกทอดหนึ่ง
เพลี้ยหอย
เพลี้ยหอยเป็นแมลงปากดูดที่มีขนาดเล็กมากและมีรูปร่างที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนในแต่ละสายพันธุ์
มีลักษณะเด่นคือมีเกราะหุ้มลำตัวที่คล้ายเปลือกหอย
และยังแยกเป็นกลุ่มเกราะแข็งและเกราะอ่อนอีก
เกราะหุ้มลำตัวนี้ไม่ได้มีมาตั้งแต่กำเนิด
แต่จะต้องมีการลอกคราบและดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชก่อนจึงจะเริ่มสร้างเกราะหุ้มลำตัวได้
ลักษณะการเข้าทำลาย
ลักษณะการสร้างความเสียหายให้พืชเพลี้ยหอยจะคล้ายกับเพลี้ยอ่อน
คือเจาะดูดกินน้ำเลี้ยงจากเซลล์พืช
จนทำให้พืชนั้นเสื่อมโทรมและหยุดการเจริญเติบโตในที่สุด
นอกจากนี้ยังจะปล่อยของเหลวที่จะทำให้เชื้อราเกาะติดที่บริเวณผิวด้านนอกของพืชอีกด้วย
แนวทางการป้องกันจัดการและดูแล
การที่จะระบุวิธีป้องกันหรือกำจัดแบบเจาะจงสำหรับเพลี้ยแต่ละชนิดนั้นค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควร
เราสามารถใช้วิธีเดียวกันดูแลป้องกันเพลี้ยทุกชนิด
เพียงแค่ต้องนำไปปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์หรือตามการระบาดในช่วงนั้นๆตามความเหมาะสม
ซึ่งมีวิธีการดังต่อไปนี้
-หมั่นสังเกตและสำรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อจะได้เห็นสัญญาณการเริ่มระบาดและสามารถกำจัดได้ทันที
ควรมีการตัดแต่งทรงพุ่มไม่ให้แน่นจนเกินไปจะช่วยให้การระบาดลดลงและดูแลจัดการง่ายเมื่อมีการระบาดของเพลี้ยอีกด้วย
-หากพบเพลี้ยจำนวนน้อยๆเราสามารถฉีดน้ำใส่บริเวณยอดเพื่อไล่เพลี้ยที่หลบซ่อนอยู่ได้
แต่ควรทำอย่างสม่ำเสมอซ้ำหลายๆครั้ง จนแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีเพลี้ยกลับมาอีก
-หากพบเพลี้ยเริ่มระบาดแต่ยังไม่รุนแรงจนเป็นวงกว้างมากเกินไป
เราสามารถตัดกิ่งที่มีเพลี้ยไปเผาทำลาย
หรือหากเป็นเพลี้ยที่เกาะนิ่งอยู่กับที่ ก็สามารถใข้มือรูดทำลายได้เลย
-ใช้ปุ๋ยเร่งใบเพื่อกระตุ้นการแตกใบอ่อน เพื่อให้พืชแข็งแรงและแตกยอดอ่อนพร้อมกันทั้งหมด จะช่วยลดการระบาดของเพลี้ยให้สั้นลงได้
-คอยสังเกตแมลงพาหะ เช่น มด ที่เป็นตัวขับเคลื่อนเพลี้ยบางชนิด
และหลังจากกำจัดเพลี้ยชนิดที่มีการขับถ่ายของเหลวแล้ว
ควรมีการฉีดพ่นสารป้องกันและยับยั้งเชื้อราทุกครั้ง